ความเป็นมาของการแข่ง BMX (BMX racing)


ในปี พ.ศ. 2513 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการริเริ่มกิจกรรมการขี่จักรยานบนสนามดิน เพื่อให้เด็ก ๆ ที่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอในการซื้อรถมอเตอร์ไซค์วิบากสามารถฝึกฝนได้ กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525 นอกจากนี้การแข่ง BMX เป็นที่นิยมมากในประเทศอังกฤษ ผู้ชนะการแข่งขันมักจะมีชื่อเสียงอย่างมาก


เนื้อหาเกี่ยวกับกฎระเบียบสั้น ๆ


การแข่ง BMX (BMX racing) เป็นรูปแบบที่เข้มข้นและดุดันมากกว่ากีฬาจักรยานประเภทอื่นๆ ซึ่งมักจะให้ความสำคัญกับความอึดทนตลอดระยะเวลาหลายนาที ในขณะที่การแข่ง BMX ต้องการการระเบิดพลังอย่างรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที การแข่งขันแบบสปรินต์จะมีผู้แข่งขันสูงสุดไม่เกินแปดคนบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยการกระโดด มุมโค้ง และสิ่งกีดขวาง โดยผู้ชนะคือผู้ที่มีการตอบสนองเร็วที่สุดและความเร็วสูงที่สุด


ผู้ขับขี่เริ่มต้นโดยการปล่อยตัวจากประตูบนเนินเริ่มต้นสูงแปดเมตรลงสู่เส้นทางยาว 400 เมตร โดยสามารถทำความเร็วได้ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การตอบสนองที่รวดเร็วและพลังที่ระเบิดได้เป็นสิ่งสำคัญในการพุ่งออกจากประตูให้นำหน้ากลุ่มและรักษาตำแหน่งผู้นำจนถึงเส้นชัย การแข่งขันรอบสุดท้ายมักเป็นการแสดงที่น่าตื่นเต้นที่ผู้ชมดูด้วยความลุ้นระทึก


ประวัติศาสตร์โอลิมปิก


ในปี 2003 คณะกรรมการโอลิมปิกสากลได้กำหนดให้ BMX เป็นกีฬาประเภทหนึ่งในกีฬาโอลิมปิก สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งในปี 2008 ถึงแม้ว่า BMX จะมีประวัติในโอลิมปิกไม่นานนัก แต่ก็มีนักกีฬาบางคนที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากในรายการนี้ เช่น มารียานา ปาฮอน Mariana Pajón (COL) ที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกสองสมัย และนีค คิมมาน Niek Kimmann (NED) ที่เป็นแชมป์โอลิมปิกโตเกียว 2020 และแชมป์โลกปี 2021 ทั้งสองคนนี้ถือเป็นตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีสปี 2024